วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ขอบคุณภาพจาก http://blog.mavunokampala.org/wp-content/uploads/2014/04/new_life.jpg


   เคยไหมบางทีหลายสิ่ง บางอย่างเราไม่กล้าลงมือทำมัน เพราะมีอดีตคอยก่อกวน อาจเป็นอดีตของความผิดพลาด หรืออดีตความทรงจำในวัยเด็กที่เราประสบพบมา พอมาถึงปัจจุบัน สิ่งที่เราเคยผิดพลาดมาก่อนมันย้อนมากวนใจเรา ทำให้เราไม่กล้าทำในสิ่งนั้นๆ อย่างเช่นคนที่เคยผ่านการอกหักมา หลายคนกลัวการที่จะเริ่มต้นใหม่กับใครอีกครั้ง กลัวการสูญเสีย กลัวการเจ็บปวดจากความรักที่ตนเองเคยได้ลิ้มรสชาติของมันแล้ว รู้สึกขยาดกับความรัก จนไม่ยอมเปิดใจตัวเองให้ใครอีกเลย
   อดีตมันก็แค่อดีตจริงไหม... ในเมื่อเราทิ้งมันไปไม่ได้ เราก็ไม่ต้องทิ้งปล่อยให้มันติดตามเราอยู่อย่างที่เป็นนี้แหละ แต่สิ่งที่เราควรทำคือ “เรียนรู้” เรียนรู้จากอดีตที่เคยผ่านมา ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือไม่ดีก็ตาม เรียนรู้เพื่อที่เราจะได้ทำปัจจุบันของเราให้ดี และเพื่ออนาคตที่เราจะยังคงอยู่ต่อไป หากเป็นสิ่งที่ดีเราก็จะได้เพิ่มพูนมันให้ดีขึ้นกว่าเดิม หากเป็นสิ่งที่ผิดพลาด เราจะได้แก้ไขเพื่อไม่ผิดพลาดอีก.....


อดีตก็แค่เรื่องราวที่เราเคยผ่านมันมาแล้ว เมื่อทิ้งอดีตไม่ได้ ก็ควรเรียนรู้จากมัน
สิ่งที่ดีควรเพิ่มพูน ส่วนที่ผิดพลาด ก็ควรปรับปรุงแก้ไข
เพื่อจะได้ทำปัจจุบันให้ดี และเพื่ออนาคตที่เราจะยังคงอยู่ต่อไป...

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ขอบคุณภาพจาก http://img14.deviantart.net/aaa4/i/2010/272/4/d/lonely_road_by_missnegative-d2zpzv6.jpg


      เมื่อสิ่งที่ทำ เรามั่นใจว่าทำมันจนถึงที่สุดแล้ว แต่ผลมันก็ยังไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง พยายามจนสุดทางแล้วอะไรๆก็ยังเท่าเดิม คงไม่ผิดอะไรหากเราจะเดินย้อนกลับทางเดิม เพื่อกลับไปยังจุดเริ่มต้นใหม่ การกลับมาจุดเริ่มต้นใหม่ ไม่ได้หมายความว่าเราแพ้ แต่เหมือนเป็นการเลือกเส้นทางให้กับตัวเราเองใหม่ เพราะเส้นทางที่เราเดินไปแล้วมันอาจจะยังไม่ใช่สำหรับเราก็ได้ การที่จะไปถึงจุดหมายได้ใช่ว่าจะต้องดันทุรันทำมันอย่างเดียว หยุดก็แล้ว พยายามจนถึงที่สุดก็แล้ว เมื่อเราเห็นว่ามันสุดๆละคือเราทำมันจนสุดความสามารถเราแล้ว แต่ผลลัพธ์มันก็ยังเท่าเดิม คือไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง งานที่ทำก็ได้พยายามจนสุดความสามารถที่มี แต่เจ้านายก็ยังไม่เห็นสิ่งที่เราทำ หรือเมินเฉย ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เปลี่ยนงานใหม่เถอะ ลองเลือกบริษัทใหม่ สังคมใหม่ๆ บรรยากาศในที่ทำงานใหม่ๆ เผลอๆที่ใหม่อาจดีกว่าที่เก่าด้วยซ้ำ หรือบางทีนั่นอาจเป็นจุดหมายที่เรากำลังมองหาอยู่ก็เป็นได้


อย่าคิดว่าการที่เราเริ่มต้นใหม่หลายๆครั้ง นั่นคือเรา “แพ้”
ให้คิดว่ามันคือการเลือกเส้นทางความสำเร็จให้ตัวเองใหม่

วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ขอบคุณภาพจาก : http://ptb-uploads-prod.s3.amazonaws.com/blog/wp-content/uploads/2015/02/success.jpg

      บนเส้นทางฝันนี้หลายต่อหลายครั้ง สิ่งที่เราทำไม่เป็นไปตามความมุ่งหวัง และทุกครั้งเราเองก็แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นมันต้องสำเร็จ แต่หลายครั้งผลกับตรงกันข้ามตลอด ทำให้บางทีเกิดความเบื่อหน่ายและท้อใจไม่อยากจะทำมันอีกเลยก็มี การที่เราหวังอะไรไว้แล้วไม่สำเร็จตามที่หวัง อาการมันก็จะเป็นอย่างนี้แหละ เอาอย่างนี้สิ เมื่อพลาดแล้วหรือสิ่งที่ทำไม่สำเร็จในวันนี้เราก็แค่หยุด หยุดเพื่อพัก หยุดเพื่อคิดทบทวนว่าทำไมมันถึงไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง แค่หยุดเท่านั้นนะ แต่อย่าเพิ่งถอดใจยอมแพ้ ในเมื่อวันนี้ยังทำไม่สำเร็จ อย่าลืมว่าพรุ่งนี้เรายังมี ขอแค่อย่าบั่นทอนกำลังใจตัวเองจนยอมแพ้ไปซะก่อน ปลูกพืชยังต้องใช้เวลาเผื่อจะผลิดอกออกผล กิจการงานทุกอย่างก็เช่นเดียวกัน แค่เราไม่ยอมแพ้ซะอย่าง ความสำเร็จสักวันมันต้องเป็นของเรา



เราไม่สามารถทำอะไรให้เสร็จได้ในครั้งแรกเสมอไป
แต่การที่เราผิดพลาดในครั้งแรก เหมือนเป็นการเรียนรู้ที่ไม่จะผิดซ้ำอีกในครั้งต่อไป

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ขอบคุณภาพจาก : http://www.bloggang.com/data/j/jacarunda/picture/1360015850.jpg


      เคยตั้งคำถามกับตัวเองไหม ทุกวันนี้ที่เราทนทำบางสิ่งบางอย่างอยู่เพื่ออะไร ต้องทนกับงานประจำที่ทำ ต้องอดทนกับเพื่อนร่วมงานที่วันๆไม่ทำอะไรนอกจากจับกลุ่มนินทา ต้องอดทนกับลูกค้าที่บางทีงี่เง่าเอาแต่ใจ ต้องอดทนต่อคำด่าทอจากเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้า หรือแม้กระทั่งคนใกล้ตัว ต้องทนกับสภาพดินฟ้าอากาศ ต้องทนกับการเดินทางที่แสนทรหด ต้องทน..ต้องทน..ต้องทน.. ทนไปทำไม...?? ทนเพื่อให้ได้รับเพียงค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหรือ หรือต้องอดทนเพื่อให้ได้รับการยอมรับ เพื่อธุรกิจของตัว เพื่อความก้าวหน้า เพื่อความรักในสิ่งนั้น เพื่ออะไร..?? คำตอบทั้งหมดมีเพียงตัวเราเองเท่านั้นที่รู้ แล้วเคยคิดบ้างไหมว่า สิ่งที่เราอดทนอดกลั้นและสู้เพื่อมัน มันคุ้มค่าจริงหรือ...?? ที่เราทนกับมันเพราะวันหน้าผลตอบแทนมันคุ้มค่า เราจึงอดทนและกล้าสู้กับมัน ถูกต้องไหม..??  เมื่อเรารู้แล้วว่าผลมันคุ้มค่าเราจึงทนอยู่ ทนทำ ฉะนั้น อย่าไปคิดท้อแท้กับปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่เลย ถึงวันนี้เราจะเหนื่อยสักแค่ไหน แต่ถ้าหากวันหน้าสิ่งที่เราทำอยู่ทำให้เราสบาย มันก็คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม งานที่ทำให้เราเหนื่อย ในวันหน้าอาจเป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก อาจสร้างผลงานหรือเสียงให้กับเรา  ลูกค้าที่งี่เง่าต่อไปอาจเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเราทำให้ธุรกิจเราเติบโตได้ในอนาคต แม้แต่สภาพดินฟ้าอากาศที่โหดร้าย ยังสอนให้เรารู้จักหลีกเลี่ยง รู้จักเอาตัวรอด ถ้าหากเหนื่อยอย่างนี้แล้วคุ้มค่า มันก็น่าที่จะทน ว่าไหม..?? 


บางทีถึงแม้เราจะอดทนสักแค่ไหน ใช่ว่าสิ่งที่ทำอยู่จะสำเร็จเสมอไป
เมื่อมีความอดทนแล้ว ต้องรู้จักซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่เราทำด้วย ผลมันจึงจะคุ้มค่า

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ขอบคุณภาพจาก : http://f.ptcdn.info/001/006/000/1370726171-FM210-o.jpg


      หากวันนี้เราเหนื่อยเราท้อกับงาน ขอให้ดีใจที่ตอนนี้เรายังมีงานที่ทำให้เราเหนื่อย เมื่อเกิดความท้อแท้กับงานที่กำลังทำอยู่ให้เรานึกย้อนไปในวันที่เราต้องการที่จะทำงานนี้ เราต้องสู้ฝ่าฟันกับคนกี่คนเพื่อที่จะได้เข้ามาทำงาน และยังมีคนอีกตั้งเท่าไหร่รอทำงานแทนหากเราไม่สามารถทำงานนี้ให้กับบริษัทได้แล้ว อย่าไปเกรงกลัวต่อปัญหาและอุปสรรคถึงมันจะยากแค่ไหน เพราะทุกอย่างที่ได้มายากมักมีค่าเสมอ งานที่ทำอยู่ก็เช่นเดียวกัน การที่จะได้รับการยอมรับจากคนหมู่มากไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาทำสิบเราต้องทำให้ถึงร้อย เราต้องทำให้มากกว่าเขา ถึงจะเหนื่อยแต่เชื่อเถอะว่าสักวันต้องมีคนเห็น และยอมรับในความสามารถกับสิ่งที่เราทำ ขอแค่อย่าเพิ่งถอยให้ทำให้ถึงที่สุดก่อน คนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่าง เราทำในส่วนของเราให้ดีเท่านั้นพอ...


เมล็ดพันธุ์ที่ว่านลงดินแล้ว จะให้ผลผลิตช้าเร็วขึ้นกับผู้ว่านฉันใด
ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ย่อมขึ้นกับการปฏิบัติตัวของแต่ละบุคคลฉันนั้น

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558


      อย่าเพิ่งตัดสินคนอื่นเพียงเพราะมุมมองของเขากับเราต่างกัน สิ่งที่เราควรทำก็แค่หันไปมองมุมที่เขากำลังมองอยู่ บางทีอาจทำให้เราเข้าใจเขามากขึ้น...
ขอบคุณภาพจาก : http://www.zastavki.com/pictures/originals/2014/World___Barbados_Take_a_rest_in_barbados_079503_.jpg


       มีหลายครั้งที่รู้สึกหมดกำลังใจ แบะอยากหยุดทุกอย่างที่กำลังกระทำอยู่ อยากอยู่นิ่งๆ ไม่ยากแม้กระทั่งขยับตัว มีบางครั้งที่อยากหยุดหายใจเลยด้วยซ้ำ แต่ก็นั้นแหละ ความคิดก็คือความคิด ที่สุดทุกอย่างมันก็ดำเนินไปตามปกติ บางทีเราควรหยุดคิด และเริ่มเรียนไปกับมันดูจะเป็นวิธีที่ดีกว่า เมื่อเกิดความเบื่อหน่ายหรืออ่อนล้า ไม่ว่าสิ่งที่ฝัน หรือสิ่งที่กำลังทำอยู่ สิ่งที่ควรทำในขณะนั้น คือ “พัก” หยุดการกระทำเพ่อให้ “กายพัก” หยุดความคิดเพื่อให้ “ใจสงบ” เมื่อสองอย่างนี้สงบต่อให้คลื่นลมพายใดๆ ก็ไม่สามารถทำให้เราไหวเอนได้



หากกายเหนื่อย ใจว้าวุ่น ต่อให้ก้อนหินก็มองเห็นเป็นขุนเขา
หากกายนิ่ง ใจสงบ แม้ทะเลที่ขวางหน้าก็เท่าหยดน้ำบนพื้นทราย

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ขอบคุณภาพจาก : http://103.7.56.227/~updatein/wp-content/uploads/2013/05/An-Illuminated-Snow-Tunnel-in-Russia-715x519.jpg

      บนถนนสายฝัน ปัญหาและอุปสรรคเป็นสิ่งที่เราต้องฝ่าฟันเสมอ แม้แต่ถนนหนทางใช้ที่เดินจริงๆก็ใช่ว่าจะมีแค่ทางคอนกรีตเสมอไป ในขณะที่เดินบนถนนคอนกรีตมันสบายเท้า ก็ให้พึงระลึกเสมอว่าเส้นทางนี้ไม่แน่นอน ในวันข้างหน้าอาจเจอเส้นทางที่รกชัฏ หรือถนนลูกรังที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนตมก็เป็นได้ ที่ให้พึงระลึกเช่นนี้ก็เพราะเป็นเหมือนเครื่องเตือนใจอย่าได้ประมาท อย่าหลงระเริงในความสุขเพียงชั่วครู่ และเมื่อพบอุปสรรคที่ขว้างหน้า สิ่งที่ควรทำคือ “สติ” หากสติมา ปัญญาก็เกิด เมื่อเกิดปัญญาอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้าต่อให้ใหญ่สักเพียงใด เราก็จะสามารถผ่านพ้นมันไปได้.....



สติ คือขี้ไต้บนคบไฟ ส่วนปัญญา คือแสงสว่างจากคบไฟ
หากมีสองสิ่งนี้ไซร้ ไม่ว่าหนทางใดๆก็ไม่ยากที่จะก้าวเดิน....

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558



      เคยเล่าสิ่งที่ฝันหรืออนาคตที่อยากจะทำให้คนอื่นฟังไหม...??? หลายๆคนไม่ที่จะเล่าเพราะอายกลัวคนอื่นดูถูก แต่สำหรับแล้วตรงกันข้ามกลับชอบเล่าเรื่องราวความฝันและอนาคตที่อยากทำให้คนอื่นฟังเสมอๆ และไม่เคยคิดอายที่จะเล่า เหมือนอยากให้เขาได้รับรู้ อยากให้เขาได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเดินตามหาฝันของตัวเราเอง แต่มีเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่ยากจะลืม ผมเผลอไปเล่าสิ่งที่วาดฝันในอนาคตให้เพื่อนที่ทำงานคนหนึ่งฟัง แต่สิ่งที่เธอตอบกลับมานั้น ทำให้ผมอึ้งและไม่กล้าที่จะพูดต่อ เธอหาว่าผมไร้สาระ ทำไมต้องหวังอะไรลมๆแล้งๆ ทำงานกินเงินเดือนต่อไปน่ะดีแล้ว ไม่อยากผิดพลาดหรือพบความล้มเหลว ไม่อยากวุ่นวาย หลังจากที่เธอพูดจบ ผมจึงได้เอาสิ่งที่เธอพูดนั้นกลับมาคิดทบทวน จึงสรุปได้เป็นข้อๆ ดังนี้

      1. เธอหาว่าผมไร้สาระ หวังอะไรลมแล้งๆ ใช่ในขณะที่คิดยังไม่ลงมือทำ มันก็เหมือนกับคนที่วาดรูปบนอากาศ สิ่งที่ได้มานั้นก็มีเพียงความว่างเปล่า แล้วมีไหมล่ะที่ใครเวลาจะทำอะไรแล้วไม่หวังเลย คำตอบคือ ไม่ สิ่งที่ฝันแต่ยังไม่ได้ลงมือทำ มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระ หรือการหวังลมๆแล้งๆอะไรหรอกนะ อาจมีเหตุผลหลายอย่างที่เขายังไม่เปลี่ยนวิธีวาดรูปจากวาดบนอากาศ มาวาดบนกระดาษแทน ผมว่าประโยคหรือคำพูดเหล่านี้ ช่างทำลายความรู้สึกนักล่าฝันอย่างผมนัก

      2. ทำงานกินเงินเดือน ดีกว่า...?? ผมไม่ปฏิเสธและไม่ยอมรับซะทีเดียว ว่าอย่างไหนจะดีกว่ากัน ระหว่างออกมาทำอะไรเป็นของตัวเอง เป็นนายตัวเอง กับเป็นลูกน้องเขาต่อไปเรื่อยๆ สิ่งนี้ผมยังไม่ได้ลองเพราะในขณะนี้ก็ยังทำงานเป็นลูกจ้างของคนอื่นอยู่

      3. ไม่อยากพบผิดพลาดหรือความล้มเหลว ในวัยเด็กเราเคยหกล้มกี่ครั้ง กว่าจะเดินได้ ชีวิตในวัยเรียน มีกี่ครั้งที่เราทำโจทย์บนหน้ากระดานผิด และมีกี่ครั้งที่เราผิด แล้วเรารู้คำตอบของโจทย์นั้น ในวัยทำงาน มีกี่ครั้งที่เราทำงานผิดพลาดแล้วโดนผู้ใหญ่ติติงมา และมีกี่ครั้งที่เราพลาดแล้วเราสามารถหาวิธีที่ดีกว่าในการจัดการงานของเราให้ดีได้ ในหนึ่งชีวิตของการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เราต้องมีสักครั้งที่เราจะผิดพลาด ผิดเพื่อเอาประสบการณ์ ผิดเพื่อเรียนรู้หาหนทางไม่ให้ผิดอีก ผิดเพื่อเรียนรู้ถึงความถูกต้อง ความผิดพลาดไม่ใช่บ่อเกิดของความล้มเหลว เพราะความผิดพลาดจะนำมาซึ่งความถูกต้อง หากคนๆนั้นๆรู้จักเรียนรู้และปรับปรุงความผิดนั้น สุดท้ายเขาจะหาหนทางที่ถูกต้องได้เสมอ คนที่ทำอะไรผิดพลาด ไม่ได้หมายความว่าคนๆนั้นจะล้มเหลวเสมอไป แต่คนที่ไม่ทำอะไรเลยต่างหากละที่มักจะพบแต่ความล้มเหลว ไม่ว่าในหน้าที่การงานหรือการใช้ชีวิต 

      4. ไม่อยากวุ่นวาย....????? แน่ใจหรือว่าชีวิตของการเป็นลูกจ้างคนอื่นมันราบเรียบ แน่ใจหรือว่าหนทางที่กำลังเดินอยู่ ในภายภาคหน้าจะไม่พบเจออุปสรรคขวากหนาม หรือสิ่งที่จะมาบั่นทอนจิตใจเรา บั่นทอนชีวิตเรา แน่ใจอย่างนั้นจริงๆหรือ

      ผมไม่โทษและไม่โกรธสิ่งที่เธอกล่าวกับผมในวันนั้นหรอกนะ เพราะอย่างน้อยๆเธอก็ทำให้ผมกลับมาคิดทบทวนถึงหลายๆสิ่งที่ผมจะทำ และกำลังทำอยู่ ว่าควรจะทำยังไงให้มันดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ อยากให้เธอได้เห็น ผมน่ะไม่ได้หวังลมๆแล้งๆหรอกนะ เพราะสิ่งที่หวัง มันจะสำเร็จและเป็นจริงได้…



คนเราหากยืนอยู่คนละด้าน มุมมองที่ได้รับย่อมแตกต่างกันออกไป
ถ้าเราอยากเข้าใจมุมมองของคนอื่น ก็แค่หันไปมองมุมที่เขากำลังมองอยู่....

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ขอบคุณภาพจาก : http://benjaminarp.com/wp-content/uploads/2015/04/running-pic.jpg

      โดยปกติธรรมดาทั่วไป คนเรามักเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเสมอ เมื่อเปรียบเมื่อเทียบแล้วเห็นสิ่งที่เขามี เรากลับไม่มีก็เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจขึ้น เอาอย่างนี้ดีไหม คิดใหม่แทนที่จะเอาตัวเองไปเปรียบกับคนอื่น ให้เอาตัวเองเปรียบเทียบกับตัวเอง ฟังดูอาจงงเล็กน้อย วิธีการก็ง่ายๆ แค่ดูว่าสิ่งที่เราทำวันนี้ เราทำได้ดีหรือแย่กว่า หากเทียบกับเมื่อวาน เงินที่อยู่ในกระเป๋าสิ้นเดือนนี้ เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว เหลือเยอะมากน้อยเพียงใด สิ่งที่เราทำในปีนี้ เมื่อเปรียบกับปีที่ผ่านมา ผลสรุปเป็นอย่างไร สิ่งไหนทำได้ไม่ได้บ้าง เมื่อเอาตัวเองเปรียบเทียบกับตัวเองได้อย่างนี้แล้ว เราจะเห็นมุมมองใหม่ๆ เผลอๆอาจมีแผนใหม่ๆ ทำให้ชีวิตก้าวไปใกล้สู่เส้นชัย หรือสิ่งที่เรามุ่งหวังมากขึ้นกว่าเดิมก็เป็นไป


อย่าคิดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น หากวิถีการดำเนินชีวิตเรากับเขาต่างกัน
เพราะหลายสิ่งบางอย่างที่เขามี เชื่อเถอะว่าเขาเองก็คงสู้ฟันฝ่ากับมันมาไม่ต่างจากเราในตอนนี้...
 ขอบคุณภาพจาก : http://orig13.deviantart.net/ac57/f/2013/143/b/0/a_candle_in_the_dark_by_doopnooper-d66c08i.jpg

      คนที่มีฝันทุกคน  อย่าเพิ่งยอมแพ้ในวันที่ฟ้ามืดมน อย่าเพิ่งบ่นในวันที่อากาศเหน็บหนาว อย่าเพิ่งกลัวความมืดในวันที่ฟ้าไม่มีดวงดาว ขอแค่ใจเรายังสว่างก็สามารถที่จะเดินตามความฝันนั้นได้อย่ารีรอ บางทีเคยคิดน้อยใจ ว่าทำไมฝันนี้ถึงยืดยาว เวลาเหนื่อยได้มองฟ้าที่พรั่งพรูไปด้วยแสงดาว บางครั้งสุกสกราว บางครั้งอับแสงบ้างเป็นบางคราว จึงคิดได้...อ้อ...ความฝันเราก็คงเป็นเช่นนี้แล ระหว่างทางที่ก้าวเดินย่อมมีอุปสรรคและขวากหนาม สุขบ้างทุกข์บ้างปนกันไป ขอเพียงแค่ไม่ยอมถอย และพร้อมที่จะฟันฝ่า สักวันความฝันนั้นต้องเป็นจริง


ในวันที่ใจอ่อนล้าหมดกำลัง โปรดอย่าเพิ่งดับไฟฝัน
ให้ก้าวไปด้วยใจมั่น เชื่อสักวันฝันนั้นต้องเป็นจริง...

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558


      อย่าเพิ่งถอดใจหากวันนี้สิ่งที่ทำยังไม่สำเร็จดั่งใจหวัง ขอให้มุ่งมั่นเดินตามและทำมันต่อไป ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ.....


      ต้องขออภัยที่หาคนแปลคำพูดของนักปราชญ์จีนท่านนี้ไม่ได้ เลยไม่ได้ใส่เครดิตคนแปลไว้

      ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่า คำพูดของนักปราชญ์ท่านนี้ ผมไม่ได้เป็นคนคิดขึ้นเอง ต้องขอขอบคุณสำหรับท่านที่ได้นำคมของปราชญ์จีนท่านนี้แปลออกมาเป็นภาษาไทย มีหลายคำพูดที่ผมอ่านแล้วซึ้งกินใจเลยอยากแชร์มาให้ได้อ่านกัน พอดีผมได้รับฟอร์เวิร์ดไลน์ แต่หาต้นฉับคนที่แปลคำพูดเหล่านี้ออกมาไม่ได้ ต้องอภัยมา ณ ที่นี้ด้วย หากไม่ได้ใส่เครดิตคนแปลไว้

ขอบคุณภาพจาก : http://teresainfortworth.files.wordpress.com/2013/07/youll-never-walk-alone-6.jpg

      หากวันใดก็ตามที่เราล้มลงอย่างเพิ่งรีบลุกขึ้นในขณะนั้น ให้เราซึมซับความเจ็บปวดนั้นไว้ เพราะบางทีในขณะที่เราล้มอยู่นั้น อาจพบเจอสิ่งที่ต่ำกว่าเราในระดับปกติสายตาที่เรามองเห็น อาจค้นพบสิ่งใหม่ๆ บางทีเราอาจหาหนทางและรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เราล้มลงได้ เมื่อลุกขึ้นแล้วขอให้เราจงจำไว้ว่า ไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่เราล้มลง เรายังคงลุกขึ้นได้เสมอ ขอให้เราอย่าท้อ ถึงแม้เกิดความท้อแล้วก็อย่าถอย ทุกปัญหาทุกเส้นทางย่อมมีทางไปของมันเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกจะหยุดอยู่แค่ต้องที่เราล้ม หรือลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินต่อ....


คนที่ผ่านความลำบากมาเท่านั้น ที่จะรู้ซึ้งถึงความสุขที่แท้จริง
เพราะความลำบาก คือสิ่งที่สอนให้เขาดิ้นรนหาหนทางไปสู่เส้นทางที่ดีกว่าเสมอ....
ขอบคุณภาพจาก : http://www.chomthai.com/forum/picture/1226604750.jpg

      บ่อยครั้งที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน สิ่งที่ทำอยู่นั้นมันช่างง่ายดายซะจริงๆ ฝันอยากเป็นคนที่มีคนรักก็มีคนมารักมากมาย ฝันอยากมั่งคั่งมีเงินเป็นล้าน ก็สมใจปรารถนาทุกอย่าง แต่เมื่อลืมตาตื่นตาจากฝันนั้นสู่โลกของความเป็นจริงกลับพบว่า ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายเลย ในโลกของความเป็นจริงนั้นดูเหมือนทุกอย่างยากที่จะทำให้เป็นจริงซะหมด
      คำถามคือ แล้วทำไมต้องติดอยู่ในห้วงแห่งฝันละ ก็ในเมื่อลืมตาตื่นขึ้นแล้วควรทำให้มันเป็นจริงซะสิ... สิ่งที่คิดสิ่งที่ฝันมันจะสำเร็จก็ต่อเมื่อเราลงมือทำเท่านั้น เพราะชอบอยู่แต่ในฝันนี้แหละถึงทำให้หลายๆคนไม่กล้าเผชิญโลกแห่งความเป็นจริง และมีคนไม่น้อยที่ชอบนั่งนึกจินตนาการเอาเองถึงอนาคตที่ล้มเลวของสิ่งที่ตนเองกำลังจะทำ พอนึกจินตนาการมากเข้ากลับคิดเอาเองว่ามันต้องเป็นไปตามนั้นแน่ๆ ทั้งที่ยังไม่ได้ลงมือทำด้วยซ้ำ ทำแค่ในจินตนาการ อย่างนี้ความฝันมันก็คงต้องเป็นแค่ความฝันต่อไป ในเมื่อไม่ยอมลงมือทำกลับคิดว่าแพ้ซะแล้ว....

ความฝัน ชื่อมันก็บอกอยู่ว่ามันคือฝัน สิ่งที่เราควรทำ
ก็แค่เดินตาม และทำฝันนั้นให้เป็นจริง.....