วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ขอบคุณภาพจาก http://blog.mavunokampala.org/wp-content/uploads/2014/04/new_life.jpg


   เคยไหมบางทีหลายสิ่ง บางอย่างเราไม่กล้าลงมือทำมัน เพราะมีอดีตคอยก่อกวน อาจเป็นอดีตของความผิดพลาด หรืออดีตความทรงจำในวัยเด็กที่เราประสบพบมา พอมาถึงปัจจุบัน สิ่งที่เราเคยผิดพลาดมาก่อนมันย้อนมากวนใจเรา ทำให้เราไม่กล้าทำในสิ่งนั้นๆ อย่างเช่นคนที่เคยผ่านการอกหักมา หลายคนกลัวการที่จะเริ่มต้นใหม่กับใครอีกครั้ง กลัวการสูญเสีย กลัวการเจ็บปวดจากความรักที่ตนเองเคยได้ลิ้มรสชาติของมันแล้ว รู้สึกขยาดกับความรัก จนไม่ยอมเปิดใจตัวเองให้ใครอีกเลย
   อดีตมันก็แค่อดีตจริงไหม... ในเมื่อเราทิ้งมันไปไม่ได้ เราก็ไม่ต้องทิ้งปล่อยให้มันติดตามเราอยู่อย่างที่เป็นนี้แหละ แต่สิ่งที่เราควรทำคือ “เรียนรู้” เรียนรู้จากอดีตที่เคยผ่านมา ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือไม่ดีก็ตาม เรียนรู้เพื่อที่เราจะได้ทำปัจจุบันของเราให้ดี และเพื่ออนาคตที่เราจะยังคงอยู่ต่อไป หากเป็นสิ่งที่ดีเราก็จะได้เพิ่มพูนมันให้ดีขึ้นกว่าเดิม หากเป็นสิ่งที่ผิดพลาด เราจะได้แก้ไขเพื่อไม่ผิดพลาดอีก.....


อดีตก็แค่เรื่องราวที่เราเคยผ่านมันมาแล้ว เมื่อทิ้งอดีตไม่ได้ ก็ควรเรียนรู้จากมัน
สิ่งที่ดีควรเพิ่มพูน ส่วนที่ผิดพลาด ก็ควรปรับปรุงแก้ไข
เพื่อจะได้ทำปัจจุบันให้ดี และเพื่ออนาคตที่เราจะยังคงอยู่ต่อไป...

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ขอบคุณภาพจาก http://img14.deviantart.net/aaa4/i/2010/272/4/d/lonely_road_by_missnegative-d2zpzv6.jpg


      เมื่อสิ่งที่ทำ เรามั่นใจว่าทำมันจนถึงที่สุดแล้ว แต่ผลมันก็ยังไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง พยายามจนสุดทางแล้วอะไรๆก็ยังเท่าเดิม คงไม่ผิดอะไรหากเราจะเดินย้อนกลับทางเดิม เพื่อกลับไปยังจุดเริ่มต้นใหม่ การกลับมาจุดเริ่มต้นใหม่ ไม่ได้หมายความว่าเราแพ้ แต่เหมือนเป็นการเลือกเส้นทางให้กับตัวเราเองใหม่ เพราะเส้นทางที่เราเดินไปแล้วมันอาจจะยังไม่ใช่สำหรับเราก็ได้ การที่จะไปถึงจุดหมายได้ใช่ว่าจะต้องดันทุรันทำมันอย่างเดียว หยุดก็แล้ว พยายามจนถึงที่สุดก็แล้ว เมื่อเราเห็นว่ามันสุดๆละคือเราทำมันจนสุดความสามารถเราแล้ว แต่ผลลัพธ์มันก็ยังเท่าเดิม คือไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง งานที่ทำก็ได้พยายามจนสุดความสามารถที่มี แต่เจ้านายก็ยังไม่เห็นสิ่งที่เราทำ หรือเมินเฉย ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เปลี่ยนงานใหม่เถอะ ลองเลือกบริษัทใหม่ สังคมใหม่ๆ บรรยากาศในที่ทำงานใหม่ๆ เผลอๆที่ใหม่อาจดีกว่าที่เก่าด้วยซ้ำ หรือบางทีนั่นอาจเป็นจุดหมายที่เรากำลังมองหาอยู่ก็เป็นได้


อย่าคิดว่าการที่เราเริ่มต้นใหม่หลายๆครั้ง นั่นคือเรา “แพ้”
ให้คิดว่ามันคือการเลือกเส้นทางความสำเร็จให้ตัวเองใหม่

วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ขอบคุณภาพจาก : http://ptb-uploads-prod.s3.amazonaws.com/blog/wp-content/uploads/2015/02/success.jpg

      บนเส้นทางฝันนี้หลายต่อหลายครั้ง สิ่งที่เราทำไม่เป็นไปตามความมุ่งหวัง และทุกครั้งเราเองก็แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นมันต้องสำเร็จ แต่หลายครั้งผลกับตรงกันข้ามตลอด ทำให้บางทีเกิดความเบื่อหน่ายและท้อใจไม่อยากจะทำมันอีกเลยก็มี การที่เราหวังอะไรไว้แล้วไม่สำเร็จตามที่หวัง อาการมันก็จะเป็นอย่างนี้แหละ เอาอย่างนี้สิ เมื่อพลาดแล้วหรือสิ่งที่ทำไม่สำเร็จในวันนี้เราก็แค่หยุด หยุดเพื่อพัก หยุดเพื่อคิดทบทวนว่าทำไมมันถึงไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง แค่หยุดเท่านั้นนะ แต่อย่าเพิ่งถอดใจยอมแพ้ ในเมื่อวันนี้ยังทำไม่สำเร็จ อย่าลืมว่าพรุ่งนี้เรายังมี ขอแค่อย่าบั่นทอนกำลังใจตัวเองจนยอมแพ้ไปซะก่อน ปลูกพืชยังต้องใช้เวลาเผื่อจะผลิดอกออกผล กิจการงานทุกอย่างก็เช่นเดียวกัน แค่เราไม่ยอมแพ้ซะอย่าง ความสำเร็จสักวันมันต้องเป็นของเรา



เราไม่สามารถทำอะไรให้เสร็จได้ในครั้งแรกเสมอไป
แต่การที่เราผิดพลาดในครั้งแรก เหมือนเป็นการเรียนรู้ที่ไม่จะผิดซ้ำอีกในครั้งต่อไป

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ขอบคุณภาพจาก : http://www.bloggang.com/data/j/jacarunda/picture/1360015850.jpg


      เคยตั้งคำถามกับตัวเองไหม ทุกวันนี้ที่เราทนทำบางสิ่งบางอย่างอยู่เพื่ออะไร ต้องทนกับงานประจำที่ทำ ต้องอดทนกับเพื่อนร่วมงานที่วันๆไม่ทำอะไรนอกจากจับกลุ่มนินทา ต้องอดทนกับลูกค้าที่บางทีงี่เง่าเอาแต่ใจ ต้องอดทนต่อคำด่าทอจากเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้า หรือแม้กระทั่งคนใกล้ตัว ต้องทนกับสภาพดินฟ้าอากาศ ต้องทนกับการเดินทางที่แสนทรหด ต้องทน..ต้องทน..ต้องทน.. ทนไปทำไม...?? ทนเพื่อให้ได้รับเพียงค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหรือ หรือต้องอดทนเพื่อให้ได้รับการยอมรับ เพื่อธุรกิจของตัว เพื่อความก้าวหน้า เพื่อความรักในสิ่งนั้น เพื่ออะไร..?? คำตอบทั้งหมดมีเพียงตัวเราเองเท่านั้นที่รู้ แล้วเคยคิดบ้างไหมว่า สิ่งที่เราอดทนอดกลั้นและสู้เพื่อมัน มันคุ้มค่าจริงหรือ...?? ที่เราทนกับมันเพราะวันหน้าผลตอบแทนมันคุ้มค่า เราจึงอดทนและกล้าสู้กับมัน ถูกต้องไหม..??  เมื่อเรารู้แล้วว่าผลมันคุ้มค่าเราจึงทนอยู่ ทนทำ ฉะนั้น อย่าไปคิดท้อแท้กับปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่เลย ถึงวันนี้เราจะเหนื่อยสักแค่ไหน แต่ถ้าหากวันหน้าสิ่งที่เราทำอยู่ทำให้เราสบาย มันก็คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม งานที่ทำให้เราเหนื่อย ในวันหน้าอาจเป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก อาจสร้างผลงานหรือเสียงให้กับเรา  ลูกค้าที่งี่เง่าต่อไปอาจเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเราทำให้ธุรกิจเราเติบโตได้ในอนาคต แม้แต่สภาพดินฟ้าอากาศที่โหดร้าย ยังสอนให้เรารู้จักหลีกเลี่ยง รู้จักเอาตัวรอด ถ้าหากเหนื่อยอย่างนี้แล้วคุ้มค่า มันก็น่าที่จะทน ว่าไหม..?? 


บางทีถึงแม้เราจะอดทนสักแค่ไหน ใช่ว่าสิ่งที่ทำอยู่จะสำเร็จเสมอไป
เมื่อมีความอดทนแล้ว ต้องรู้จักซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่เราทำด้วย ผลมันจึงจะคุ้มค่า

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ขอบคุณภาพจาก : http://f.ptcdn.info/001/006/000/1370726171-FM210-o.jpg


      หากวันนี้เราเหนื่อยเราท้อกับงาน ขอให้ดีใจที่ตอนนี้เรายังมีงานที่ทำให้เราเหนื่อย เมื่อเกิดความท้อแท้กับงานที่กำลังทำอยู่ให้เรานึกย้อนไปในวันที่เราต้องการที่จะทำงานนี้ เราต้องสู้ฝ่าฟันกับคนกี่คนเพื่อที่จะได้เข้ามาทำงาน และยังมีคนอีกตั้งเท่าไหร่รอทำงานแทนหากเราไม่สามารถทำงานนี้ให้กับบริษัทได้แล้ว อย่าไปเกรงกลัวต่อปัญหาและอุปสรรคถึงมันจะยากแค่ไหน เพราะทุกอย่างที่ได้มายากมักมีค่าเสมอ งานที่ทำอยู่ก็เช่นเดียวกัน การที่จะได้รับการยอมรับจากคนหมู่มากไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาทำสิบเราต้องทำให้ถึงร้อย เราต้องทำให้มากกว่าเขา ถึงจะเหนื่อยแต่เชื่อเถอะว่าสักวันต้องมีคนเห็น และยอมรับในความสามารถกับสิ่งที่เราทำ ขอแค่อย่าเพิ่งถอยให้ทำให้ถึงที่สุดก่อน คนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่าง เราทำในส่วนของเราให้ดีเท่านั้นพอ...


เมล็ดพันธุ์ที่ว่านลงดินแล้ว จะให้ผลผลิตช้าเร็วขึ้นกับผู้ว่านฉันใด
ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ย่อมขึ้นกับการปฏิบัติตัวของแต่ละบุคคลฉันนั้น

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558


      อย่าเพิ่งตัดสินคนอื่นเพียงเพราะมุมมองของเขากับเราต่างกัน สิ่งที่เราควรทำก็แค่หันไปมองมุมที่เขากำลังมองอยู่ บางทีอาจทำให้เราเข้าใจเขามากขึ้น...
ขอบคุณภาพจาก : http://www.zastavki.com/pictures/originals/2014/World___Barbados_Take_a_rest_in_barbados_079503_.jpg


       มีหลายครั้งที่รู้สึกหมดกำลังใจ แบะอยากหยุดทุกอย่างที่กำลังกระทำอยู่ อยากอยู่นิ่งๆ ไม่ยากแม้กระทั่งขยับตัว มีบางครั้งที่อยากหยุดหายใจเลยด้วยซ้ำ แต่ก็นั้นแหละ ความคิดก็คือความคิด ที่สุดทุกอย่างมันก็ดำเนินไปตามปกติ บางทีเราควรหยุดคิด และเริ่มเรียนไปกับมันดูจะเป็นวิธีที่ดีกว่า เมื่อเกิดความเบื่อหน่ายหรืออ่อนล้า ไม่ว่าสิ่งที่ฝัน หรือสิ่งที่กำลังทำอยู่ สิ่งที่ควรทำในขณะนั้น คือ “พัก” หยุดการกระทำเพ่อให้ “กายพัก” หยุดความคิดเพื่อให้ “ใจสงบ” เมื่อสองอย่างนี้สงบต่อให้คลื่นลมพายใดๆ ก็ไม่สามารถทำให้เราไหวเอนได้



หากกายเหนื่อย ใจว้าวุ่น ต่อให้ก้อนหินก็มองเห็นเป็นขุนเขา
หากกายนิ่ง ใจสงบ แม้ทะเลที่ขวางหน้าก็เท่าหยดน้ำบนพื้นทราย